การเรียนการสอนแบบร่วมมือ (Cooperative
learning)
1. ความหมายการจัดการสอนแบบกลุ่มร่วมมือ
การจัดการเรียนการสอนแบบกลุ่มร่วมมือหรือร่วมมือกันเรียนรู้
(Cooperative Learning) ได้มีผู้ให้ความหมายไว้ดังนี้
พรรณรัศมิ์ เงาธรรมสาร กล่าวว่า
การเรียนแบบทำงานรับผิดชอบร่วมกัน เป็นการจัดประสบการณ์การเรียนรู้ที่ผู้เรียนเรียนเป็นกลุ่มเล็ก
สมาชิกในกลุ่มจะมีความสามารถที่แตกต่างกัน ผู้เรียนแลกเปลี่ยนความคิดเห็น
ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน
และรับผิดชอบการทำงานของตนเองเท่ากับรับผิดชอบการทำงานของสมาชิกแต่ละคนในกลุ่มด้วย
บุญครอง ศรีนวล (2543 : 9-10) กล่าวถึง การเรียนแบบร่วมมือกันเรียนรู้
คือ การจัดกิจกรรมการเรียนที่เน้นการเรียนเป็นกลุ่ม
เพื่อให้สมาชิกแต่ละคนในกลุ่มเกิดการเรียนรู้และตระหนักถึงความสำคัญของตนเองในการช่วยให้กลุ่มประสบความผลสำเร็จ
รวมทั้งการฝึกทักษะทางสังคมให้เกิดกับผู้เรียนด้วย
จากความหมายดังกล่าว สรุปได้ว่าการเรียนแบบกลุ่มร่วมมือเป็นวิธีการจัดการเรียนการสอนอีกรูปแบบหนึ่งที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ
โดยให้นักเรียนลงมือปฏิบัติงานเป็นกลุ่มย่อย ๆ
เพื่อเสริมสร้างสมรรถภาพการเรียนรู้ของนักเรียนแต่ละคน
และสนับสนุนให้มีการช่วยเหลือซึ่งกันและกัน
2. เป้าหมายและลักษณะของผลผลิตของการเรียนการสอนแบบกลุ่มร่วมมือ
การจัดการเรียนการสอนแบบกลุ่มร่วมมือหรือร่วมมือกันเรียนรู้
เป็นการจัดกิจกรรมที่ให้ความสำคัญต่อการพัฒนาทัศนคติและค่านิยมในตัวนักเรียนที่จำเป็นทั้งในและนอกห้องเรียน
การจำลองรูปแบบพฤติกรรมทางสังคมที่พึงประสงค์ในห้องเรียน
การเสนอแนะแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและแนวความคิดที่หลากหลายระหว่างสมาชิกในกลุ่ม
การพัฒนาพฤติกรรมการแก้ปัญหา การคิดวิเคราะห์ และการคิดอย่างมีเหตุผล
รวมทั้งการพัฒนาลักษณะของผู้เรียนให้รู้จักตนเองและเพิ่มคุณค่าของตนเอง
จากกิจกรรมดังกล่าวจะมีผลต่อผู้เรียน โดยสรุปใน 3 ประการ คือ
1.ความรู้ความเข้าใจในเนื้อหาที่เรียน
(Cognitive Knowledge)
2.ทักษะทางสังคม
โดยเฉพาะทักษะการทำงานร่วมกัน (Social Skills)
3.การรู้จักตนเองและตระหนักในคุณค่าของตนเอง
(Self-Esteem)
3.
แนวคิดเกี่ยวกับการเรียนการสอนแบบกลุ่มร่วมมือ
บุญครอง ศรีนวล (2543 : 11 – 13)
ได้รวบรวมแนวคิดเกี่ยวกับการเรียนการสอนแบบกลุ่มร่วมมือไว้ ดังนี้
Slavin กล่าวว่าการสอนแบบกลุ่มร่วมมือเป็นวิธีการจัดการเรียนการสอนที่ช่วยให้ผู้เรียนให้ความสามารถเฉพาะตัวแทนและศักยภาพในตนเองและร่วมมือแก้ปัญหาต่าง
ๆ ให้บรรลุผลสำเร็จ
โดยสมาชิกในกลุ่มตระหนักว่าตระหนักว่าแต่ละคนเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่ม
ทั้งนี้นักเรียนจะรู้สึกถึงคุณค่าของตนเองที่เพิ่มขึ้น
เพราะว่านักเรียนได้มีส่วนร่วมในการทำกิจกรรมกลุ่ม
นอกจากนั้นการสอนแบบกลุ่มร่วมมือยังก่อให้เกิดบรรยากาศที่นักเรียนได้พูดคุยกัน
เป็นการช่วยให้นักเรียนและเพื่อนเข้าใจปัญหาชัดเจนยิ่งขึ้น
การที่นักเรียนสามารถอธิบายให้เพื่อนฟังได้เป็นการยกระดับความเข้าใจให้ชัดเจนแน่นแฟ้นยิ่งขึ้น
สำหรับบทบาทของครูที่จะเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมต้องไม่ถือว่าตนเองเป็นผู้ถ่ายทอดความรู้ในชั้นเรียนเดียวกัน
แต่เป็นการสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้ออำนวยให้นักเรียนสามารถค้นหาความรู้ได้จากการร่วมมือกันเรียนรู้
ซึ่งเกิดจากการกระทำของตนเองและจากเพื่อนนักเรียนด้วยกัน
นอกจากนี้ Juyce and Wiel ได้กล่าวว่า
เทคนิคการเรียนแบบกลุ่มร่วมมือเป็นเทคนิคที่ช่วยพัฒนาผู้เรียนทั้งทางด้านสติปัญญา
ให้เกิดการเรียนรู้จนบรรลุถึงขีดความสามารถสูงสุดได้ โดยมีเพื่อนในวัยเดียวกัน
กลุ่มเดียวกันเป็นผู้คอยแนะนำหรือช่วยเหลือ
ทั้งนี้เนื่องจากผู้เรียนที่อยู่ในวัยเดียวกัน
ย่อมจะมีการใช้ภาษาสื่อสารที่เข้าใจกันง่ายกว่าครูผู้สอน
ซึ่งการเรียนการสอนแบบกลุ่มร่วมมือมีหลักที่ผู้สอนต้องคำนึงถึงอยู่ 3 ประการ คือ
1.มีรางวัลหรือเป้าหมายของกลุ่ม
2.ความหมายของแต่ละบุคคลในกลุ่ม
3.สมาชิกในกลุ่มมีโอกาสในการช่วยเหลือให้กลุ่มประสบผลสำเร็จได้เท่าเทียมกัน
สำหรับรายละเอียดของหลักการ 3 ประการ มีดังนี้
1.มีรางวัลหรือเป้าหมายของกลุ่มในการจัดการเรียนการสอน
ผู้สอนจะต้องตั้งเป้าหมายหรือรางวัลไว้เพื่อกระตุ้นให้ผู้เรียนมีความพยายามในการเรียนรู้มากขึ้นและพยายามปรับพฤติกรรมของตน
เพื่อความสำเร็จของกลุ่ม รางวัลที่กำหนดอาจเป็นสิ่งของ ประกาศนียบัตรหรือคำชมเชย
การเชิดชูเกียรติ
แต่อย่างไรก็ตามครูผู้สอนต้องแจ้งให้ผู้เรียนทราบว่าไม่ควรแข่งขันกันเพื่อจุดประสงค์ต้องการรางวัลอย่างเดียว
2.ความหมายของแต่ละบุคคลในกลุ่มการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน
ถึงแม้จะอยู่ในรูปของกลุ่ม
แต่จะต้องมีขั้นตอนที่สามารถบอกถึงความสามารถของสมาชิกแต่ละคนได้ว่าเข้าใจบทเรียนมากน้อยเพียงไร
ในการเรียนแต่ละครั้งต้องมั่นใจว่าสมาชิกทุกคนในกลุ่มเข้าใจ เนื้อหาบทเรียน
เป้าหมายของกลุ่มจะประสบผลสำเร็จได้ต้องขึ้นอยู่กับความรู้ความสามารถของทุกคนในกลุ่ม
3.สมาชิกแต่ละคนในกลุ่มมีโอกาสในการช่วยให้กลุ่มประสบผลสำเร็จได้เท่าเทียมกัน
นักเรียนทุกคนในกลุ่มมีส่วนช่วยเหลือกลุ่มของตนเองให้ผ่านกิจกรรมไปได้เท่าเทียมกัน
ทั้งนี้ คนเก่ง ปานกลาง และอ่อน
รูปแบบการสอนแบบกลุ่มร่วมมือ
มีแนวคิดตั้งอยู่บนพื้นฐานของความเชื่อ ดังต่อไปนี้
(บุญครอง ศรีนวล 2543 : 14) อ้างอิงมาจาก
(สุลัดดา ลอยฟ้า 2536)
1.การสอนแบบกลุ่มร่วมมือจะสร้างแรงจูงใจในการเรียนมากกว่าเดิม
การเรียนรายบุคคลหรือการแข่งขัน ความรู้สึกเป็นอันหนึ่งอันเดียวของกลุ่ม
จะสร้างพลังในทางบวกให้แก่กลุ่ม
2.สมาชิกแต่ละคนในกลุ่มของการสอนแบบกลุ่มร่วมมือ
จะเรียนจากกันและกันจะพึ่งพากันเรียนรู้
3.การปฏิสัมพันธ์กันภายในกลุ่ม
นอกจากจะพัฒนาความรู้ความเข้าในในเนื้อหาวิชาที่เรียนแล้ว
ยังพัฒนาทักษะทางสังคมไปในตัวด้วย เป็นรูปแบบการสอนที่พัฒนากิจกรรมทางสติปัญญาที่เพิ่มพูนการเรียนรู้มากกว่าการเรียนการสอนรายบุคคล
4.การร่วมมือกันเรียนรู้
จะเพิ่มพูนความรู้ในทางบวกต่อกันและกัน
ระหว่างสมาชิกในกลุ่มลดความรู้สึกโดดเดี่ยวและห่างเหิน ในทางตรงกันข้าม
5.การร่วมมือกันเรียนรู้ จะพัฒนาความรู้สึกเห็นคุณค่าในตนเอง
รู้จักตนเองจากการเรียนรู้ได้ดียิ่งขึ้น
รวมทั้งจากสิ่งแวดล้อมที่ทำให้ตระหนักว่าตนเองได้รับการยอมรับและเอาใจใส่จากสมาชิกคนอื่นในกลุ่ม
6.ผู้เรียนสามารถพัฒนาความสามารถในการทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพจากการทำงานที่กำหนดให้กลุ่มรับผิดชอบ
หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งคือ การเปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้ร่วมมือกันทำงานมากเท่าใด
ผู้เรียนจะสามารถพัฒนาทักษะทางสังคม
โดยเฉพาะอย่างยิ่งทักษะการทำงานร่วมกันมากเท่านั้น
7.ทักษะทางสังคมที่จำเป็นต่าง ๆ
สามารถเรียนรู้และฝึกฝนได้ เพื่อประสิทธิภาพของการทำงานร่วมกัน
จากแนวคิดดังกล่าวที่จะสรุปได้ว่า
การเรียนการสอนแบบกลุ่มร่วมมือนั้น
เป็นการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนให้นักเรียนได้ทำงานร่วมกันเป็นกลุ่ม
ซึ่งสมาชิกทุกคนต้องช่วยเหลือกันและมีปฏิสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน
อันจะนำไปสู่การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและทักษะการอยู่ร่วมกันทางสังคม
กลุ่มการเรียนแบบกลุ่มร่วมมือ
(Cooperative Learning) กลุ่มการเรียนแบบเดิม (Traditional Learning)
1.สมาชิกมีความรับผิดชอบร่วมกัน
2.สมาชิกแต่ละคนรับผิดชอบในงานของตนเองและสมาชิกกลุ่ม
3.สมาชิกมีความสามารถที่แตกต่างกัน
4.สมาชิกผลัดเปลี่ยนกันเป็นหัวหน้า
5.สมาชิกแบ่งความรับผิดชอบซึ่งกันและกัน
6.การประเมินผลเน้นวิธีการและผลงาน
7.ครูจัดการสอนทักษะทางสังคม
8.ครูสังเกตการณ์สอน แนะนำการทำงานกลุ่ม
9.ครูเน้นวิธีการทำงานกลุ่ม
9.1 มีความรับผิดชอบเฉพาะตน
9.2 สมาชิกแต่ละคนอาจจะไม่รับผิดชอบงานของตนเองและของสมาชิก
9.3 สมาชิกมีความสามารถใกล้เคียงกัน
9.4 สมาชิกเลือกหัวหน้า
9.5 สมาชิกรับผิดชอบเฉพาะตนเอง
9.6 การประเมินผลเน้นที่ผลงาน
9.7 ทักษะทางสังคมถูกละเลยไม่มีการสอน
9.8 ครูละเลยไม่สนใจการทำงานกลุ่ม
9.9 วิธีการทำงานกลุ่มมีน้อย
4. รูปแบบการสอน
สุลัดดา ลอยฟ้า (2537 : ไม่มีเลขหน้า)
ได้กล่าวถึงรูปแบบการสอนแบบกลุ่มร่วมมือว่า แบ่งออกเป็น 3 รูปแบบ ดังนี้
1. รูปแบบการสอนแบบกลุ่มร่วมมือ ตามแนวคิดของ Robert
Slavin และคณะจาก John Hopkins University ได้พัฒนาเทคนิคการสอนแบบกลุ่มร่วมมือต่าง
ๆ เป็นที่ยอมรับกันแพร่หลาย ดังนี้
1.1 STAD (Student Teams – Achievement
Division) เป็นรูปแบบการสอนที่สามารถดัดแปลงใช้ได้เกือบทุกวิชาและทุกระดับชั้น
เพื่อเป็นการพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและทักษะทางสังคมเป็นสำคัญ
1.2 TGT (Team Games Tournament) เป็นรูปแบบการสอนที่คล้ายกับ
STAD แต่เป็นการจูงใจในการเรียนยิ่งขึ้น
โดยการใช้การแข่งขันเกมแทนการทดสอบย่อย
1.3 TAI (Team Assisted
Individualization) เป็นรูปแบบการสอนที่ผสมผสานแนวความคิดระหว่างการสอนแบบกลุ่มร่วมมือกับการสอนรายบุคคล
รูปแบบการสอน TAI เป็นการประยุกต์ใช้กับการสอนคณิตศาสตร์
1.4 CIRC (Cooperative Integrate
Reading and Composition) เป็นรูปแบบการสอนแบบกลุ่มร่วมมือแบบผสมผสาน
ที่มุ่งพัฒนาขึ้นเพื่อสอนการอ่านและการเขียน
สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาตอนปลายโดยเฉพาะ
1.5 Jigsaw ผู้คิดค้นการสอนแบบ
Jigsaw เริ่มแรกคือ Elliot – Aranson และคณะ
(1978) หลังจากนั้น Slavin ได้นำแนวคิดดังกล่าวมาปรับขยายเพื่อให้สอดคล้องกับรูปแบบการสอนแบบกลุ่มร่วมมือมากยิ่งขึ้น
ยิ่งเป็นรูปแบบการสอนที่เหมาะสมกับวิชาที่เกี่ยวข้องกับการบรรยาย เช่น สังคมศึกษา
วรรณคดี บางส่วนของวิชาวิทยาศาสตร์ รวมทั้งวิชาอื่น ๆ
ที่เน้นการพัฒนาความรู้ความเข้าใจมากกว่าการพัฒนาทักษะ
2. รูปแบบการสอนแบบกลุ่มร่วมมือตามแนวคิดของ David
Johnson และคณะจากมหาวิทยาลัย Minnessota (1989)
ได้พัฒนารูปแบบการสอนแบบกลุ่มร่วมมือ โดยยึดหลักการเบื้องต้น 5 ประการด้วยกัน คือ
2.1 การพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน (Positive
In Interdepence)
2.2 การปฏิสัมพันธ์แบบตัวต่อตัว (Face
to Face promotive Interaction)
2.3
ความหมายและทักษะความสามารถของแต่ละบุคคลในกลุ่ม (Individual Accountability)
2.4 ทักษะทางสังคม (Social Skills)
2.5 กระบวนการกลุ่ม (Group Processing)
3. รูปแบบการสอนแบบร่วมมือในงานเฉพาะอย่าง เช่น
Group Investigation ของ Shlomo และ
Yael Sharan , co-op-co-op