วิธีการ สอนแบบนี้มีแนวคิดที่ต่างไปจากแนวคิดอื่น คือแนวการสอนแบบนี้จะยึดผู้เรียนเป็นหลัก เน้นการพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างผู้สอนกับผู้เรียน และระหว่างผู้เรียนด้วยกัน ทำให้ผู้เรียนเกิดความรู้สึกว่าเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่ม ผู้เรียนแต่ละคนร่วมกิจกรรม ส่วนผู้สอนทำหน้าที่เป็นผู้ให้คำปรึกษาด้านภาษาเท่านั้น ส่งเสริมให้ผู้เรียนมีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ เน้นการใช้ภาษาเพื่อการสื่อสาร สิ่งที่นำมาเรียนสามารถนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้ด้วย การฝึกให้ผู้เรียนใช้โครงสร้างประโยค คำศัพท์และเสียง ตามวิธีการสอนแบบกลุ่มสัมพันธ์ ผู้เรียนรู้ภาษาโดยไม่ต้องต่อต้าน ผู้เรียนและผู้สอนมีปฏิสัมพันธ์ต่อกันตลอดเวลา ความสัมพันธ์ระหว่างผู้สอน และผู้เรียนจึงเป็นสิ่งที่สำคัญมาก การประเมินผลการเรียนนั้นจะเป็นการทดสอบแบบบูรณาการโดยให้ผู้เรียนประเมินตนเอง ดูจากการเรียนรู้ของตนเอง และความก้าวหน้าของตน ถ้าผู้เรียนมีที่ผิด ผู้สอนจะพยายามแก้ไข โดยไม่ใช้วิธีคุกคาม ผู้สอนอาจจะแก้ไขสิ่งที่ผิด ๆ โดยให้ฝึกทำซ้ำ ๆ กัน
10 วิธีสอนตามแนวการสอนภาษาเพื่อการสื่อสาร (Communicative Approach)
จากข้อเท็จจริงพบว่า ถึงแม้ผู้เรียน จะเรียนรู้โครงสร้างของภาษามาแล้วเป็นอย่างดี
แต่ก็ยังไม่สามารถพูดได้หรือสื่อสารได้ดีนัก
ด้วยเหตุผลนี้นักภาษาศาสตร์และผู้ที่เกี่ยวข้องกับการเรียนภาษาต่างประเทศ
ได้เสนอแนวการสอนแบบใหม่ คือ การสอนเพื่อการสื่อสาร
โดยมีความเชื่อว่าภาษาไม่ได้เป็นเพียงระบบไวยากรณ์ที่ประกอบด้วยเสียง ศัพท์
และโครงสร้างเท่านั้น แต่ภาษาคือ ระบบที่ใช้ในการสื่อสาร
ดังนั้นการสอนจึงควรให้ผู้เรียนสามารถนำภาษาไปใช้ในการสื่อสารได้
ไม่ควรสอนให้รู้เฉพาะรูปแบบหรือโครงสร้างของภาษาเท่านั้น
ทั้งนี้เพราะเราใช้ภาษาเป็นสื่อเพื่อทำหน้าที่แลกเปลี่ยนกัน และจะต้องใช้ภาให้เหมาะสมตามสภาพสังคมด้วย
ทักษะการสอน ภาษาต่างประเทศ (ภาษาอังกฤษ)
10.1 ทักษะการนำเข้าสู่บทเรียน
ในการดำเนินการสอนนั้น
ก่อนที่ครูจะสอนเรื่องต่อไป ครูควร จะได้เร้าความสนใจของผู้เรียนก่อน
ทั้งนี้เพื่อให้ผู้เรียนเตรียมพร้อมที่จะเรียนในเรื่องต่อไป การนำเข้าสู่บทเรียนมีวิธีการการต่าง
ๆกัน เช่น วิธีสนทนาซักถาม การทบทวนบทเรียนเดิมให้สัมพันธ์กับบทเรียนใหม่
การเล่านิทาน การทายปัญหา การสร้างสถานการณ์จริงหรือจำลอง การใช้สื่อต่าง ๆ เช่น
รูปภาพหรือของจริง การร้องเพลง เป็นต้น
รวมทั้งมีข้อแม้ว่าคำศัพท์และรูปประโยคที่นำเสนอนั้น
ควรเป็นคำศัพท์และรูปประโยคที่ง่าย ๆ ไม่ซับซ้อน และผู้เรียนเคยเรียนมาบ้างแล้ว
เพื่อช่วยให้สามารถเข้าใจเรื่องที่ฟังได้เร็ว
จากนั้นผู้สอนตรวจสอบดูว่าผู้เรียนเข้าใจเรื่องที่ฟังหรือไม้ด้วย
การสนทนาโต้ตอบคำถามต่าง ๆ ถ้าผู้เรียนตอบได้ก็จะได้ไม่ต้องเสียเวลานานเกินไปสามารถดำเนินการสอนในเรื่องต่อไปได้เลย
ถ้าผู้เรียนตอบได้บ้างไม่ได้บ้าง ผู้สอนจำเป็นต้องเสนอขั้นนำ
ให้ง่ายกว่าเดิมลงไปอีก
10.2 ทักษะการตั้งคำถาม
จัดเป็นทักษะที่สำคัญของการสอนภาษาต่างประเทศ เพราะผู้สอนและ
ผู้เรียนจำเป็นต้องมีปฏิสัมพันธ์กัน ในการโต้ตอบ พูดคุย สื่อสารกันตลอดเวลา
เพื่อให้มั่นใจว่ามีความเข้าใจตรงกัน
คำถามที่ใช้ถามต้องกะทัดรัดไม่ยาวหรือซับซ้อนจนเกินไป
ผู้เรียนสามารถโต้ตอบได้ตรงประเด็น คำถามที่ดีจะต้องเตรียมไว้ล่วงหน้า
การถามอย่างเดียวไม่พอ ผู้สอนความสนใจฟังคำตอบของนักเรียน ถ้าเขาตอบไม่ถูก ผู้สอนควรจะใช้คำถามให้ง่ายขึ้น
หรือช่วยแก้ไขข้อบกพร่อง
10.3 ทักษะการยกตัวอย่าง
จะต้องยกตัวอย่างที่สามารถให้คำศัพท์ และโครงสร้างที่จะนำไปใช้
ในชีวิตประจำวันได้อย่างชัดเจน เพื่อให้เห็นถึงคุณค่าในเรื่องที่เรียน
คำนึงถึงความถูกต้อง และความนิยมของเจ้าของภาษา มิได้คำนึงถึงความถูกต้องตามกฎเกณฑ์ทางไวยากรณ์เพียงอย่างเดียว
10.4 ทักษะฝึกใช้ภาษา
ผู้สอนจะต้องเป็นผู้นำในการฝึก
เช่น การเริ่มต้นจากการฝึกแบบควบคุม ให้ผู้เรียนได้จดจำรูปแบบของภาษาได้
เน้นความถูกต้องของภาษาเป็นหลัก ต่อจากนั้นจะมีการฝึกใช้การภาษาเพื่อการสื่อสาร
ซึ่งเปรียบเสมือนเป็นตัวกลางเชื่อมโยงระหว่างการเรียนรู้ภาษาในชั้นเรียน
กับการนำภาษาไปใช้จริง โดยทั่วไปแล้วจะมีการให้ผู้เรียนลองใช้สถานการณ์ต่าง ๆ
ด้วยตนเอง โดยผู้สอนเป็นเพียงผู้ชี้แนะแนวทางเท่านั้น
การฝึกใช้ภาษาในลักษณะนี้จะช่วยให้ผู้สอนและผู้เรียนรู้ว่า ผู้เรียนเข้าใจภาษาได้มากน้อยเพียงใด
10.5 ทักษะการสรุปบทเรียน
10.5 ทักษะการสรุปบทเรียน
การสรุปบทเรียนเป็นเรื่องจำเป็นอย่างยิ่งในการสอน เพราะครูจะ
ได้ทราบว่าผู้เรียนสามารถรวบรวมความรู้ ความคิด ความเข้าใจถูกต้องหรือไม่
หลังจากเรียนจบแล้ว การสรุปบทเรียนสามารถทำได้ต่าง ๆ กัน เช่น ตั้งคำถามให้นักเรียนตอบ
สรุปให้นักเรียนร่วมกันทำกิจกรรมตามสถานการณ์ที่ครูสร้างขึ้น สรุปเขียนเป็นรายงาน
กรอกแบบฟอร์มหรือให้นักเรียนร้องเพลง เป็นต้น
10.6 ทักษะการใช้สื่อการเรียนการสอน
สื่อการเรียนการสอนเป็นสิ่งที่จะช่วยให้การเรียนการ สอนดำเนินไปด้วยดี
ครูจะต้องเลือกใช้ให้เหมาะสม ปัจจุบันมีสื่อการเรียนการสอนหลายอย่าง
ครูควรศึกษาให้ถ่องแท้ และนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด สื่อควรหาได้จากท้องถิ่น
สามารถประดิษฐ์เอง ไม่แพง ใช้งานง่าย
10.7 ทักษะแรงจูงใจ
ผู้เรียนจะเรียนได้ดีก็ต้องมีแรงจูงใจ แรงจูงใจจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อ
นักเรียนสามารถ ตอบคำถามหรือทำในสิ่งที่ยาก ๆ
ได้สำเร็จในการทำงานตามที่ได้รับมอบหมายให้ทำ และเป็นที่ยอมรับของครู และเพื่อน ๆ
เช่น การทำงานได้ดี ถูกต้อง สะอาดเรียบร้อย อาจจะใช้คำชม เป็นต้น
หรือให้เห็นประโยชน์คุณค่าจากสิ่งที่ได้เรียนรู้ เช่น
เรื่องแล้วสามารถนำสิ่งที่เรียนไปใช้ในชีวิตประจำวันได้จริง
หรือการใช้สื่อการสอนที่สนใจเอง ก็สามารถทำให้เกิดแรงจูงใจได้
10.8 ทักษะการเสริมกำลังใจ
การเสริมกำลังใจ
เป็นสิ่งสำคัญ เช่นกันในเรื่องการเรียนการสอน
ครูผู้สอนควรจะให้การเสริมกำลังใจขณะที่ผู้เรียนกำลังเรียนอยู่ด้วยการกล่าวคำชม
หรือแสดงอาการชื่นชม ยกย่อง เพื่อสร้างความภูมิใจ กำลังใจ และแรงจูงใจตามมา
อย่างไรก็ตามหากผู้เรียนทำไม่ถูกก็ความพูดให้กำลังใจในการพยายามทำให้ถูก
ครูไม่ควรแสดงอาการว่าไม่พอใจอย่างยิ่ง เพราะจะทำให้ผู้เรียนขาดกำลังใจ
ไม่อยากเรียน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น